Lifestyle

ทำไมไม่ควรเลี้ยงเด็กๆ ด้วยหน้าจอ

ทุกๆ ท่านเคยสักเกตการเลี้ยงลูกหลานหรือเด็กๆ ในสมัยนี้กันมั้ยครับที่จะเป็นการเอาโทรศัพท์ให้เด็กๆ นั่งดูและทำให้พวกเราเงียบไม่รบกวนการทำสิ่งต่างๆ ของพ่อแม่ ซึ่งการทำแบบนี้ในระยะยาวเด็กๆ จะมีสมาธิสั้นแถมยังติดโทรศัพท์เอามากๆ เลยหล่ะครับ บทความนี้จะพาทุกๆ ท่านไปพบกับเหตุผลว่า “ทำไมไม่ควรเลี้ยงเด็กๆ ด้วยหน้าจอ” กันครับ จะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น…เราไปชมกันดีกว่าครับ

ระดับพัฒนาการของเด็กในช่วงต่างๆ เป็นอย่างไร?

เด็กอายุ 18 เดือน เป็นช่วงวัยกำลังหัดเดิน เด็กจะเจริญเติบโตช้าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วง 0-12 เดือนแรก แต่จะเกิดความเปลี่ยนแปลงทั้งด้านร่างกาย การใช้ภาษา การเรียนรู้ การทรงตัว และการประสานงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย

พัฒนาการทางร่างกาย เริ่มควบคุมกล้ามเนื้อที่ใช้ปัสสาวะและขับถ่ายได้ แต่อาจยังไม่พร้อมต่อการใช้ห้องน้ำ เดินได้โดยไม่ต้องคอยช่วยเหลือ และเริ่มหัดวิ่งแต่ยังไม่ค่อยคล่องตัวหรืออาจหกล้มบ่อยๆ เดินขึ้นบันไดได้โดยใช้มือข้างหนึ่งจับราวบันไดไว้ สามารถเริ่มถอดเสื้อผ้าชิ้นที่ถอดออกง่ายได้ด้วยตนเอง เช่น หมวก ถุงมือ ถุงเท้า รองเท้า เป็นต้น ดื่มน้ำจากแก้วหรือใช้ช้อนตักอาหารกินเองได้โดยหกเลอะเพียงเล็กน้อย ขึ้นนั่งบนเก้าอี้ที่ไม่สูงมากได้โดยไม่ต้องช่วยเหลือหรือจะเปิดหนังสือโดยจับทีละ 2-3 หน้า

พัฒนาการทางสติปัญญาและภาษา พูดออกมาเป็นคำ ๆ ได้มากขึ้นหลายคำ โดยเป็นคำใหม่ ๆ ที่มีความหมาย และไม่ใช่คำว่าพ่อแม่ ชื่อคนคุ้นเคย ชื่อของ หรือชื่อสัตว์เลี้ยงในบ้าน พูดพร้อมกับส่ายหัวเพื่อบอกปฏิเสธ ชี้สิ่งของเพื่อบอกว่าอยากได้หรือเพื่อให้ผู้ใหญ่สนใจ เรียนรู้ชื่อและวัตถุประสงค์ของการใช้สิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น แปรงสีฟัน ช้อน โทรศัพท์ เป็นต้น สามารถชี้และระบุชื่ออวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย หรือหลาย ๆ ส่วนได้ แสดงความสนใจเมื่อเล่านิทานให้ฟังและมองภาพตามทำตามคำสั่งง่าย ๆ ที่ไม่ซับซ้อนและมักเลียนแบบท่าทางของผู้ใหญ่

เด็กอายุ 2 ขวบ ในช่วงนี้พ่อแม่อาจเริ่มฝึกให้เด็กเข้าห้องน้ำได้แล้ว เพราะเด็กจะเริ่มรู้ตัวเมื่อปวดปัสสาวะหรืออุจจาระและแสดงท่าทางว่าต้องการขับถ่าย ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเด็กพร้อมต่อการใช้ห้องน้ำและอาจไม่ต้องใส่ผ้าอ้อมอีกต่อไป

พัฒนาการทางร่างกาย ยืนเขย่งเท้าได้ และยกสิ่งของขณะยืนได้โดยไม่เสียการทรงตัว สามารถเตะและทุ่มลูกบอลโดยยกแขนสูง วิ่งได้คล่องตัวกว่าเดิม ไต่ขึ้นลงเตียงหรือเก้าอี้ได้โดยไม่ต้องช่วยเหลือ ขึ้นลงบันได้โดยยังต้องจับราว เปิดลูกบิดประตูได้ เปิดหนังสือทีละ 1 หน้าได้ เริ่มใส่เสื้อผ้าชิ้นที่สวมใส่ง่าย ๆ ได้ด้วยตนเอง แต่จะถนัดถอดออกมากกว่า วาดเส้นและวงกลมตามต้นแบบได้

พัฒนาการทางสติปัญญาและภาษา แสดงท่าทางสื่อสารถึงสิ่งที่ตนต้องการได้ เช่น หิว กระหายน้ำ อยากเข้าห้องน้ำ เป็นต้นพูดเป็นวลีสั้น ๆ ที่ไม่ใช่คำนาม 2-3 คำ หรือพูดประโยคสั้น ๆ 2-4 คำ เช่น ร้องเพลง อาบน้ำ หรือกินนม เป็นต้น และพูดซ้ำตามบทสนทนาที่ได้ยิน เข้าใจคำสั่งที่ซับซ้อนกว่าเดิม เช่น หยิบบอลและใส่รองเท้า ถอดรองเท้าแล้ววางบนชั้น เป็นต้น เรียนรู้คำศัพท์เพิ่มขึ้นถึงประมาณ 50-300 คำ และอาจมากกว่านี้ในรายที่มีพัฒนาการเร็ว

ทำไมไม่ควรเลี้ยงเด็กๆ ด้วยหน้าจอ

การให้เด็กใช้เวลากับจอนานๆ สามารถจะส่งผลเสียหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ด้านการสื่อสาร พูดช้า พูดไม่ชัด ขาดความคิดสร้างสรรค์ และ การจ้องมองจอภาพเป็นเวลานานจะส่งผลเสียกับดวงตาได้ เช่น ทำให้สายตาสั้น ดวงตาแห้ง ด้านร่างกาย จะไม่แข็งแรง เหนื่อยง่าย ขาดการเคลื่อนไหวออกกำลังกายตามที่ควรจะเป็นหรืออาจส่งผลให้เป็นเด็กขี้เกียจได้ ด้านอารมณ์ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ เพราะเด็กแยกแยะโลกของอินเทอร์เน็ตกับความจริงไม่ได้ หงุดหงิดง่าย ใจร้อน รอคอยไม่เป็น เด็กขาดสมาธิไม่จดจ่อหรือตั้งใจทำกิจกรรมใด และที่แสดงออกชัดเจนก็คือ ด้านพฤติกรรม จะก้าวร้าว ซน สมาธิสั้น มีพฤติกรรมคล้ายออทิสติก คือดื้อ ต่อต้าน โลกส่วนตัวสูง สื่อสารกับคนอื่นน้อย

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “ทำไมไม่ควรเลี้ยงเด็กๆ ด้วยหน้าจอ” ที่เราได้นำมาฝากท่านผู้อ่านทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้นนี้ หวังว่าจะเป็นแนวทางที่ช่วยเตือนผู้ใหญ่ทุกๆ ท่านกันนะครับ